สารป้องกันยุงกัด สารป้องกันยุงกัดที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้ ตัวอย่างพืชที่มีคุณสมบัติใช้ไล่ยุงหรือป้องกันยุงกัดได้ เช่น |
พืชไล่ยุง
ความหมายของสมุนไพร
ความหมาย
คำว่า สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง พืชที่ใช้ ทำเป็นเครื่องยา สมุนไพรกำเนิดมาจากธรรมชาติและมีความหมายต่อชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะ ในทางสุขภาพ อันหมายถึงทั้งการส่งเสริมสุขภาพและการรักษาโรค ความหมายของยาสมุนไพรในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติสัตว์หรือแร่ธาตุ ซึ่งมิได้ผสมปรุงหรือแปรสภาพ เช่น พืชก็ยังเป็นส่วนของราก ลำต้น ใบ ดอก ผลฯลฯ ซึ่งมิได้ผ่านขั้นตอนการแปรรูปใด ๆ แต่ในทางการค้า สมุนไพรมักจะถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอียด หรืออัดเป็นแท่งแต่ในความรู้สึกของคนทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสมุนไพร มักนึกถึงเฉพาะต้นไม้ที่นำมาใช้เป็นยาเท่านั้น
อ้างอิง วิกิพีเดีย
สัตว์ และแร่ ซึ่งยังมิได้ผสมปรุง หรือ แปรสภาพ” ส่วนการนำมาใช้ อาจดัดแปลงรูปลักษณะของสมุนไพร
ให้ใช้ได้สะดวกขึ้น เช่น นำมาหั่นให้มีขนาดเล็กลง หรือ นำมาบดเป็นผง เป็นต้น
สมุนไพร นอกจากจะนำมาใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรคแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านอื่นๆอีก
เช่นนำมาบริโภคเป็นอาหาร อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องดื่ม สีผสมอาหาร และสีย้อม ตลอดจนใช้ทำ
เครื่องสำอางอีกด้วย
การ ใช้สมุนไพรเป็นยาบำบัดโรคนั้นอาจใช้ในรูปยาสมุนไพรเดี่ยวๆหรือใช้ในรูปตำรับ ยาสมุนไพร
ปัจจุบันตำรับยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณที่กระทรวงสาธารณสุขอนุญาติให้ใช้ รักษาโรคได้
มีทั้งหมด 28 ขนาน เช่น
ยาจันทน์ลีลา ใช้แก้ไข้ แก้ตัวร้อน
ยามหานิลแท่งทอง ใช้แก้ไข้ แก้หัด อีสุกอีใส
ยาหอมเทพพิจิตร แก้ลม บำรุงหัวใจ
ยาเหลืองปิดสมุทร แก้ท้องเสีย
ยาประสะมะแว้ง แก้ไอ ขับเสมหะ
ยาตรีหอม แก้ท้องผูกในเด็กระบายพิษไข้
สำหรับสมุนไพรที่นิยมใช้เดี่ยวๆ รักษาอาการของโรคที่พบบ่อยๆ ได้แก่
สมุนไพรแก้ไข้ ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด
สมุนไพรแก้ท้องเสีย กล้วยน้ำว้า ทับทิม ฝรั่งดิบ
สมุนไพรแก้ไอ มะแว้ง ขิง มะนาว
สมุนไพรแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขมิ้นชัน แห้วหมู กระชาย
สมุนไพรช่วยให้นอนหลับ ขี้เหล็ก ดอกบัวหลวง หัวหอมใหญ่
สมุนไพรแก้เชื้อรา กระเทียม ข่า ชุมเห็ดเทศ
สมุนไพรแก้เริม เสลดพังพอนตัวเมีย และตัวผู้
แนวคิดโฆษณารณรงค์ “สมุนไพรไทย” ต้อง การสื่อสารว่าสมุนไพรไทยพื้นบ้านนั้นนำมาเป็น
ยารักษาโรคได้หลายหลายชนิด และยังหาได้ง่ายๆรอบๆบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ฟ้าทะลายโจรที่รักษาอาการไข้
กิ่งข่อยรักษาโรคเหงือก ใบพลับพลึงรักษาอาการฟกช้ำ หรือ ปูนแดงใช้ห้ามเลือด โดยดำเนินเรื่องแบบ
Realistic ผ่าน ตัวละครน่ารักๆ สองคน คือคุณยายและคุณทวด เป็นแม่ลูกซึ่งอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ซึ่ง คุณยายและคุณทวด ผลัดกันเกิดอาการต่างๆ และ
รักษาอาการด้วยสมุนไพรรอบๆบ้าน
แหล่งทีมา : http://www.thaihealth.or.th/node/2058
การทำธูปหอมสมุนไพรไล่ยุง ตอนที่1
การทำธูปหอมสมุนไพรไล่ยุง
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบันนี้คนไทยเสียชีวิตเพราะโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนมากและโรคไข้เลือดออกจะระบาดในฤดูฝน
และมียุงเป็นพาหนะนำโรคไข้เลือดออกมาสู่เรา กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้จัดทำโครงงานเกี่ยวกับการทำธูปไล่
ยุงจากสมุนไพร โดยใช้ประโยชน์จากสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงซึ่งนำสมุนไพรเหล่านั้นมาทำเป็นส่วน
ผสมหลักของธูปหอม เนื่องจากสมุนไพรเหล่านั้นมีกลิ่นแรงซึ่งยุงจะไม่ชอบ เช่น ตะไค้รหอม เปลือกส้ม ผิวมะกรูด เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการไล่ยุงแล้วยังส่งผลดีกับเราเพราะธูปยังส่งกลิ่นหอมสมุนไพรชนิดต่างๆอีกด้วย
และมียุงเป็นพาหนะนำโรคไข้เลือดออกมาสู่เรา กลุ่มของข้าพเจ้าจึงได้จัดทำโครงงานเกี่ยวกับการทำธูปไล่
ยุงจากสมุนไพร โดยใช้ประโยชน์จากสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการไล่ยุงซึ่งนำสมุนไพรเหล่านั้นมาทำเป็นส่วน
ผสมหลักของธูปหอม เนื่องจากสมุนไพรเหล่านั้นมีกลิ่นแรงซึ่งยุงจะไม่ชอบ เช่น ตะไค้รหอม เปลือกส้ม ผิวมะกรูด เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการไล่ยุงแล้วยังส่งผลดีกับเราเพราะธูปยังส่งกลิ่นหอมสมุนไพรชนิดต่างๆอีกด้วย
วัตถุประสงค์ในการทำโครงงาน
1. ต้องการทำสมุนไพรไล่ยุง โดยใช้วัตถุดิบทางธรรมชาติิ
2. ได้รู้จักนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ได้รู้จักนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวสารเคมีมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
4. ประหยัดและปลอดภัยจากสารพิษ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. สามารถนำความรู้นี้ไปประกอบรายได้เสริม
3. ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ลดใช้มลภาวะ
1. ต้องการทำสมุนไพรไล่ยุง โดยใช้วัตถุดิบทางธรรมชาติิ
2. ได้รู้จักนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ได้รู้จักนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวสารเคมีมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
4. ประหยัดและปลอดภัยจากสารพิษ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. สามารถนำความรู้นี้ไปประกอบรายได้เสริม
3. ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ลดใช้มลภาวะ
ลำดับที่ี่
|
แผน/ขั้นตอน/วิธีการดำเนินงาน
|
ระยะเวลา
|
ผลการดำเนินงาน
|
1.
|
เลือกโครงงาน
|
1 สัปดาห์
|
ได้โครงงานทำธูปหอมไล่ยุงสมุนไพร
|
2.
|
ช่วยกันตั้งชื่อโครงงาน
|
10 นาที
|
ชื่อ Mosquito
|
3.
|
เริ่มวางแผนว่าจะทำสมุนไพร
ชนิดใดบ้าง |
1 วัน
|
สมุนไพรทุกชนิดที่มีอยู่ในบ้านของสมาชิกทุกคน
|
4.
|
วางแผนเกี่ยวกับระยะเวลาในการ
ทำงานและสถานที่การทำงาน เตรียมสมุนไพร |
1วัน
|
ได้นัดหมาย วันเวลาที่จะไปทำโครงงาน
|
5.
|
นำสมุนไพรมาอบแล้วปั้นให้ละเอียด
และทดลองทำธูปเป็นครั้งแรก |
4 ชั่วโมง
|
ได้เตรียมสมุนไพรโดยนำมาหั่นแล้วตากแดดไว้จนได้สมุนไพรตากแห้ง
การทำธูปในครั้งแรกไม่สำเร็จยังคงมีข้อผิดพลาดอยู่บางเรื่อง |
6.
|
ทำธูปหอมสมุนไพรครั้งที่ 2
|
5 ชั่วโมง
|
การทำธูปหอมครั้งที่ 2ได้ผลตามที่ต้อง
|
วิธีทำ
1. นำผงสมุนไพรที่ได้มาใส่ลงในถ้วยที่สะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
2. นำผงขี้เลื่อยมาผสมกับสมุนไพร 2 ช้อนโต๊ะ และผสมกับถ่านที่บดอีก 1 ช้อนโต๊ะ
3. นำสมุนไพรที่ผสมแล้วมาคุกเคล้ากับแป้งเปียก
4. เนื้่อสมุนไพรที่ผสมกับแป้งเปียกจนเข้ากันแล้วนำมาปั้น
5. นำธูปที่ได้มาลองอบก่อน เพื่อทดสอบว่าสามารถใช้ได้หรือไม่
(ที่นำมาอบนั้นเพื่อเราจะได้รู้ผลเร็วกว่าตากแดดจนแห้ง)
6. เมื่อผลการทดลองได้ตามต้องการแล้วก็ปั้นแล้วนำมาตากแดดซักประมาณ 3-4 วัน
1. นำผงสมุนไพรที่ได้มาใส่ลงในถ้วยที่สะอาด 2 ช้อนโต๊ะ
2. นำผงขี้เลื่อยมาผสมกับสมุนไพร 2 ช้อนโต๊ะ และผสมกับถ่านที่บดอีก 1 ช้อนโต๊ะ
3. นำสมุนไพรที่ผสมแล้วมาคุกเคล้ากับแป้งเปียก
4. เนื้่อสมุนไพรที่ผสมกับแป้งเปียกจนเข้ากันแล้วนำมาปั้น
5. นำธูปที่ได้มาลองอบก่อน เพื่อทดสอบว่าสามารถใช้ได้หรือไม่
(ที่นำมาอบนั้นเพื่อเราจะได้รู้ผลเร็วกว่าตากแดดจนแห้ง)
6. เมื่อผลการทดลองได้ตามต้องการแล้วก็ปั้นแล้วนำมาตากแดดซักประมาณ 3-4 วัน
การทดลองครั้งที่ 1
อุปกรณ์
ผงสมุนไพร ได้แก่ ตะไคร้ ขมิ้น ขิง เปลือกส้ม เปลือกส้มโอ
ผิวมะกรูด ข่า แป้งข้าวเหนียว
ขี้เลือย ถ่านและสีผสมอาหาร
ขั้นตอนการทำแป้งเปียก
1. นำน้ำไปต้มในหม้อปริมาณน้ำ 2 แก้ว
2. นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงไปในน้ำปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
3. คนไปเรื่อยๆจนเหนียว
4. แล้วยกออกมาคนต่อเรื่อยๆจนหายร้อน
5. สังเกตดูแป้งถ้าแป้งยังไม่เหนียวพอให้เติมแป้งลงไปเพิ่ม
6. ก็จะได้แป้งที่มีคุณสมบัติเหมือนกาว
ขั้นตอนการทำธูป
1. นำผงสมุนไพร ขี้เลือยและถ่านมาผสมกันแล้วคนให้เข้ากัน
2. นำแป้งเปียกมาใส่ลงไปเล็กน้อยและคนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. นำสีผสมอาหารมาผสมเข้าด้วยกัน
4. สังเกตว่าแป้งเปียกกับสมุนไพรสามารถใช้ได้หรือยัง จากนั้นนำมาปั้นเป็นรูปกรวย
5. นำไปอบที่อุณหภูมิอ 10 องศา ใช้เวลาอบ 2 นาที
6. ทดลองจุดว่าสามารถใช้ได้ไหม
ผลการทดลอง
1. ธูปที่ได้มีลักษณะแตกราว จุดไม่ติด
2. ผลจากการผ่านอบทำให้รูปทรงของธูปเปลี่อนแปลงไปจากตอนปั้นโดยขยายตัวขึ้นทำให้ไม่เป็นรูปทรง
และไม่ีสวยงาม
ผงสมุนไพร ได้แก่ ตะไคร้ ขมิ้น ขิง เปลือกส้ม เปลือกส้มโอ
ผิวมะกรูด ข่า แป้งข้าวเหนียว
ขี้เลือย ถ่านและสีผสมอาหาร
ขั้นตอนการทำแป้งเปียก
1. นำน้ำไปต้มในหม้อปริมาณน้ำ 2 แก้ว
2. นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงไปในน้ำปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
3. คนไปเรื่อยๆจนเหนียว
4. แล้วยกออกมาคนต่อเรื่อยๆจนหายร้อน
5. สังเกตดูแป้งถ้าแป้งยังไม่เหนียวพอให้เติมแป้งลงไปเพิ่ม
6. ก็จะได้แป้งที่มีคุณสมบัติเหมือนกาว
ขั้นตอนการทำธูป
1. นำผงสมุนไพร ขี้เลือยและถ่านมาผสมกันแล้วคนให้เข้ากัน
2. นำแป้งเปียกมาใส่ลงไปเล็กน้อยและคนให้เข้ากันอีกครั้ง
3. นำสีผสมอาหารมาผสมเข้าด้วยกัน
4. สังเกตว่าแป้งเปียกกับสมุนไพรสามารถใช้ได้หรือยัง จากนั้นนำมาปั้นเป็นรูปกรวย
5. นำไปอบที่อุณหภูมิอ 10 องศา ใช้เวลาอบ 2 นาที
6. ทดลองจุดว่าสามารถใช้ได้ไหม
ผลการทดลอง
1. ธูปที่ได้มีลักษณะแตกราว จุดไม่ติด
2. ผลจากการผ่านอบทำให้รูปทรงของธูปเปลี่อนแปลงไปจากตอนปั้นโดยขยายตัวขึ้นทำให้ไม่เป็นรูปทรง
และไม่ีสวยงาม
การทดลองครั้งที่ 2
อุปกรณ์์๋์ืืื์์์์์์์์์์์์์์์์์์์์์
ผงสมุนไพร ได้แก่ ตะไคร้ ขมิ้น ขิง เปลือกส้ม เปลือกส้มโอ ผิวมะกรูด
ข่า แป้งข้าวเหนียว ขี้เลื่ือย ถ่านและสีผสมอาหาร
ขั้นตอนการทำแป้งเปียก
1. นำน้ำไปต้มในหม้อปริมาณ 2 แก้ว
2. นำแป้งข้าวเหนียวใส่ในนำ้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
3. คนไปเรื่อยๆ จนเหนียว
4. แล้วยกออกมาคนต่อไปเรื่อยๆ จนหายร้อน
5. สังเกตดูแป้ง ถ้าแป้งยังไม่เหนียวพอให้เติมแป้งลงเพิ่ม
6. ก็จะได้แป้งที่มีคุณสมบัติเหมือนกาว
ขั้นตอนการทำธูป
1. นำผงสมุนไพร ขี้เลื่อย และถ่านมาผสมคนให้เข้ากัน
2. นำแป้งลงใส่เล็กน้อยและคนให้เข้ากันอีก
3. นำสีผสมอาหารมาผสมขเ้าด้วยกัน
4. สังเกตว่าแป้งเปียกกับสมุนไพรสามารถใช้ได้หรือยัง จากนั้นนำมาปั้นเป็นรูปกรวย
5. นำไปอบที่อุณหภูมิ 8 องศา ใช้เวลาอบ 1 นาที
6. ทดลองจุดว่าใ้ได้ไหม
ผลการทดลอง
1. ธูปที่ได้ไม่แตกร้าว
2. ไม่สามารถจุดธูปติด
3. เมื่อทำเสร็จธูปไม่เปลี่ยนรูป
4. ได้ธุปที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าท้องตลอดและสวยงาม
สรุปผลและอภิปรายผลการดำเนินการ
จากการที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้ใช้สมุนไพรที่มีกลิ่นเฉพาะสามารถไล่ยุงได้ เช่น มะกรูด ส้ม ตะไคร้หอม มาแปรรูปให้เป็นผงสมุนไพรจากนั้นก็มาสู่ขั้นตอนการทำธูป โดยในครั้งแรกเราจะทดสอบโดยทำเพียงแค่เล็กน้อยก่อนและในครั้งแรกนั้นพวกเราก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เนื่องจากเราผสมแป้งเปียกกับผงสมุนไพรและส่วนผสมอื่นๆเหลวเกินไป ทำให้เมื่อเรานำไปอบรูปทรงของธูปเปลี่ยนแปลงไปและด้านในยังไม่แห้ง พวกเราเลยเอาธูปที่ใช้ไมได้จากการทำในครั้งแรกมาลองปั้นใหม่และตากแดดอีกครั้งเพื่อให้ธูปแห้งปรากฎว่าใช้งานได้ พวกเราเลยผสมแป้งให้ข้นขึ้น ทำให้ในครั้งที่2เราสามารถทำธูปได้สำเร็จสมบุรณ์ และสุดท้ายก็มาทดสอบการเผาไหม้และกลิ่นของธูป จนได้ธูปจากสมุนไพรซึ่งคุรภาพเทียบเท่าท้องตลาด
แนวทางในการดำเนินงานต่อเนื่อง
1. ในการผสมแป้งเปียกที่ได้ตามที่ต้องการ จะมีการจดสูตรเอาไว้
2. การหาสมุนไพร ถ้าบ้านสมาชิกคนไหนมีเยอะก็เอามา แต่บางชนิดก็ขอมาจากร้านค้า
เช่น พวกเปลือกผลไม้
3. ส่วนเรื่องเวลาก็ต้องบริหารให้ดีและจะหาเวลา เพื่อนัดกันทำโครงงาน
4. ในการปั้นธูปจะระวังเป็นพิเศษ เพื่อจะได้อัดธูปให้แน่น
5. สภาพอากาศเมื่อตากธูปเอาไว้ จะต้องตรวจสอบสภาพอากาศก่อน หรือไม่ก็ให้ผู้ปกครอง
ที่บ้านช่วยดูให้
1. ในการผสมแป้งเปียกที่ได้ตามที่ต้องการ จะมีการจดสูตรเอาไว้
2. การหาสมุนไพร ถ้าบ้านสมาชิกคนไหนมีเยอะก็เอามา แต่บางชนิดก็ขอมาจากร้านค้า
เช่น พวกเปลือกผลไม้
3. ส่วนเรื่องเวลาก็ต้องบริหารให้ดีและจะหาเวลา เพื่อนัดกันทำโครงงาน
4. ในการปั้นธูปจะระวังเป็นพิเศษ เพื่อจะได้อัดธูปให้แน่น
5. สภาพอากาศเมื่อตากธูปเอาไว้ จะต้องตรวจสอบสภาพอากาศก่อน หรือไม่ก็ให้ผู้ปกครอง
ที่บ้านช่วยดูให้
เอกสารอ้างอิง
http://www.burana.biz/_tps-14/marticle.php?Ntype=1
http://www.burana.biz/_tps-14/martic.php?id=82275
http://www.burana.biz/_tps-14/marticle.php?id=82911
http://www.burana.biz/
มือใหม่ หัดใช้ Twitter บน iPhone
Twitter เป็นอีกหนึ่งสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมฯ และมือถือ แต่ธรรมชาติของการใช้ทวิตเตอร์นั้น ผมว่า ใช้งานบนมือถือจะเหมาะที่สุด เพราะลักษณะการใช้ทวิตเตอร์ จะเป็นเหมือนการบันทึกสิ่งต่างๆ ที่เราเจอในชีวิตประจำวันเป็นข้อความสั้นๆ ว่าวันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง ไปไหนมา หรือมีอะไรอยากจะแชร์ไปให้เพื่อนๆ ได้อ่านได้รู้ การใช้ทวิตเตอร์บนมือถือจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบน Smartphone เพราะมีแอพที่เรียกว่า Twitter Client เป็นตัวที่ทำให้การใช้ทวิตเตอร์บนมือถือทำได้ง่าย รวดเร็ว และมีลูกเล่นเพียบ วันนี้ผมเลยถือโอกาสนำเอา Twitter Client บนไอโฟน ที่จะทำให้เราสามารถใช้งาน Twitter ได้อย่างเต็มที่ โดยบทความนี้จะเหมาะสำหรับมือใหม่ ที่เพิ่งใช้ iPhone และอยากลองเล่น Twitter เพราะผมจะอธิบายตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครจนถึงการใช้งานเลยครับ มาดูกันเลย
สำหรับคนที่อยากรู้ว่า Twitter คืออะไรแบบละเอียดนั้น สามารถอ่านได้ที่ Twitter คืออะไร ใช้ยังไง ส่วนถ้าใครอยากลองเล่นเลย ก็ตามผมมาเลยครับ ผมจะแนะนำตั้งแต่วิธีสมัคร และการใช้งาน ที่สำคัญ ทำทุกอย่างได้จาก iPhone ของเราเลย ไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ให้ยุ่งยากเลยครับ
ก่อนอื่นก็ให้ดาวน์โหลด Twitter for iPhone จาก App Store ก่อนครับ แอพนี้ฟรีครับ
กดเข้าใช้งาน หน้าจอแรกจะเป็นหน้าจอต้อนรับ มีให้เลือกสองอย่างคือ Sign Up และ Sign In ถ้าใครมีบัญชีทวิตเตอร์อยู่แล้ว ก็ Sign In เข้าไปได้เลยครับ แต่ถ้าคนที่ยังไม่มี ไม่เคยใช้ ก็ให้เลือก Sign Up เพื่อทำการสมัครใช้งาน

กรอกข้อมูลลงไปในช่อง โดยที่
Full Name คือชื่อจริงนามสกุลจริงของเรา (ใครจะใส่เป็นอะไรก็ได้นะครับ อันนี้ไม่ได้ซีเรียส) Email ก็ให้ใส่อีเมล์ที่เราใช้งานจริงๆ และเป็นอีเมล์ที่สามารถเช็คได้บน iPhone
Username อันนี้สำคัญ เพราะคือชื่อที่จะใช้งานบนทวิตเตอร์ แนะนำให้เป็นชื่อง่ายๆ สื่อถึงตัวเรา
Password คือรหัสผ่าน ให้เรากำหนดเองได้เลยครับ

Full Name คือชื่อจริงนามสกุลจริงของเรา (ใครจะใส่เป็นอะไรก็ได้นะครับ อันนี้ไม่ได้ซีเรียส) Email ก็ให้ใส่อีเมล์ที่เราใช้งานจริงๆ และเป็นอีเมล์ที่สามารถเช็คได้บน iPhone
Username อันนี้สำคัญ เพราะคือชื่อที่จะใช้งานบนทวิตเตอร์ แนะนำให้เป็นชื่อง่ายๆ สื่อถึงตัวเรา
Password คือรหัสผ่าน ให้เรากำหนดเองได้เลยครับ
หาก Username ไม่ซ้ำ และข้อมูลอื่นๆ ถูกต้อง ก็จะเข้าสู่หน้าจอที่ทวิตเตอร์แนะนำให้เราค้นหาเพื่อน ขั้นตอนนี้ผมแนะนำว่า ให้กด Skip ไปก่อนครับ

ก่อนเข้าใช้งาน จะมีหน้าจอขอคำยืนยันว่าเราจะอนุญาตให้ทวิตเตอร์ดึงค่าตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันของเราหรือไม่ อันนี้แล้วแต่สะดวกนะครับ ผมกด OK

มาถึงหน้าหลักของการใช้งานละครับ โดยจะมีเมนูหลักอยู่ด้านล่าง 4 เมนูคือ
Home – เป็นหน้าแรกที่เราเรียกว่า Timeline จะเป็นหน้าแสดงทวีตของเราและของคนที่เรา
follow แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้ follow ใคร เลยยังไม่มีข้อมูลใดๆ
Connect – เป็นหน้าที่แสดงทวีตที่มีคนตอบถึงเรา และกิจกรรมต่างๆ เช่น มีคน Retweet ทวีต
ของเรา หรือมีคนมา follow เรา ก็จะแสดงในหน้านี้
Discover – เป็นแหล่งสำหรับค้นหาเพื่อนเพิ่มเติม หรือดูว่าขณะนี้ มีอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมในทวิต
เตอร์ ฯลฯ
Me – เป็นหน้าแสดงข้อมูลของเราเอง
Home – เป็นหน้าแรกที่เราเรียกว่า Timeline จะเป็นหน้าแสดงทวีตของเราและของคนที่เรา
follow แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้ follow ใคร เลยยังไม่มีข้อมูลใดๆ
Connect – เป็นหน้าที่แสดงทวีตที่มีคนตอบถึงเรา และกิจกรรมต่างๆ เช่น มีคน Retweet ทวีต
ของเรา หรือมีคนมา follow เรา ก็จะแสดงในหน้านี้
Discover – เป็นแหล่งสำหรับค้นหาเพื่อนเพิ่มเติม หรือดูว่าขณะนี้ มีอะไรที่กำลังเป็นที่นิยมในทวิต
เตอร์ ฯลฯ
Me – เป็นหน้าแสดงข้อมูลของเราเอง
ส่วนด้านบนจะมีรูปปากกขนนก ตรงนี้เอาไว้สำหรับเขียนทวีตครับ เวลาจะทวีตอะไร ก็กดตรงนี้ได้เลย

ก่อนจะทำอย่างอื่น ให้เข้าไปที่ Me ก่อนครับ เพื่อตั้งค่าข้อมูลของเราเอง เช่น ชื่อ Bio และรูปประจำตัว เพราะถ้าไม่ระบุข้อมูลพวกนี้ จะทำให้ทวีตเราไม่น่าสนใจ เพราะไม่รู้ว่าเราเป็นใคร สนใจอะไร (คนจะ follow กันในทวิตเตอร์เพราะความสนใจในสิ่งเดียวกันซะส่วนใหญ่) เมื่อกดที่ Me แล้ว จะมีหน้าจอดังรูปข้างล่าง วิธีใส่ข้อมูลส่วนตัวของเรา ก็ให้กดที่ชื่อของเราได้เลยครับ ส่วนการตั้งค่าอืนๆ ก็มีอยู่ที่ Setting ครับ


เมื่อเข้าไปที่หน้าชื่อของเราจะมีปุ่ม Edit profile ตรงนี้แหละครับ เอาไว้แก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลส่วนตัวของเรา

หน้า Edit profile ก็สามารถใส่รูปประจำตัว (เรียกว่า Avatar) และข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญคือ bio ที่จะอธิบายถึงตัวเราครับว่า เป็นคนยังไง ทำอะไรที่ไหน ชอบอะไร ฯลฯ

ต่อมา มาดูในส่วนของ Setting เพราะถ้าไม่ตั้งค่าอะไรเลย ก็ไม่สามารถใช้งานทวิตเตอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อกด Setting แล้ว จะพบกับหน้าจอดังนี้ครับ

การตั้งค่า มีสองส่วนคือ Notification สำหรับตั้งค่าการเตือน และ Advance สำหรับตั้งค่าการใช้งาน ในส่วนของ Advance ก็สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ดังนี้ครับ (ที่ต้องตั้งค่าก็มี Image Service แนะนำให้เลือกเป็น Twitter)

เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ก็มาเริ่มทวีตกันเลยครับ ทวีตคือการเขียนทวีตลงไปนั่นเองครับ เหมือนกับการโพสท์ใน Facebook นั่นแหละ ว่าเราทำอะไร คิดอะไร หรือจะบอกอะไร แล้วแต่เลยครับ กดที่รูปปากกาขนนก จากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอสำหรับทวีตดังรูป โดยที่แต่ละทวีต จะได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร จะมีตัวนับให้อยู่มุมขวามือ ส่วนเมนูอื่นๆ จะมี
@ – สำหรับเรียกชื่อเพื่อนขึ้นมา ถ้าเราจะทวีตถึงใคร ก็ให้กด @ แล้วพิมพ์ username เพื่อน หรือเลือกจากลิสต์ที่แอพเดาให้ก็ได้ครับ
# – สำหรับใส่ hashtag ในทวิตเตอร์จะมี tag สำหรับบอกว่าเรากำลังพูดถึงอะไร เช่น #WeLoveKing #appreview ฯลฯ ได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษครับ
รูปกล้องถ่ายรูป – สำหรับใส่รูปภาพเข้าไปในทวีตของเราด้วย เช่นไปเจออะไรสวยๆ แล้วอยากทวีต ก็กดรูปกล้อง แล้วถ่ายรูป จากนั้นพิมพ์ข้อความแล้วทวีตได้เลยครับ
รูปลูกศร – สำหรับระบุตำแหน่งของเราว่า เราทวีตที่ไหน

ตัวอย่างเวลาเรากด @ ก็จะมีชื่อของเพื่อนๆ ขึ้นมา

และเวลาใส่ hashtag (#)

หากจะทวีตรูป ก็จะมีให้เลือกว่าจะถ่ายใหม่ หรือดึงรูปจาก Photo ที่มีอยู่แล้วก็ได้

หน้าจอหากเราระบุตำแหน่งที่เราทวีตเข้าไปด้วย

ในส่วนของ Connect จะมี Interactions และ Mentions โดย Interactions จะแสดงข้อมูลการแจ้งเตือนว่ามีใคร Retweet, follow และตอบกลับเราบ้าง ส่วน Mentions จะแสดงเฉพาะทวีตที่มีคนตอบเรามาอย่างเดียว

มาถึงนี่ หลายคนอาจงงว่า เอ๊ะ แล้วเราจะไปหาเพื่อนมาได้ยังไง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทวิตเตอร์เป็นสังคมออนไลน์ที่ส่วนใหญ่แล้ว คนไม่รู้จักกันจะเล่นกันมากกว่า คือ ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน แค่สนใจในสิ่งเดียวกัน (ดูจาก bio) เราก็สามารถเลือก follow ได้เลย เพราะมันไม่เหมือน Facebook ที่เป็นการ add friends การกด follow ใครคนนึง ก็เป็นการที่เราจะติดตามว่าคนๆ นั้น ทวีตอะไรบ้าง แค่นั้นครับ เราจะเรียกคนที่เราตามว่า Following และเรียกคนที่ตามว่าเรา Follower
วิธีหาเพื่อนก็ให้เข้าไปที่ Connect แล้วพิมพ์ในช่อง Search พิมพ์ชื่อ หรืออะไรก็ได้ครับที่เราสนใจ ทวิตเตอร์จะหาให้เราเอง ในตัวอย่าง ผมหาชื่อผมที่ใช้ในทวิตจริงๆ คือ zakariiya ก็จะมีผลการค้นหาดังในรูป หากเจอคนที่เราสนใจจะตาม ก็กดที่เครื่องหมาย + เพื่อทำการ follow เค้าได้เลย

ถ้าหากจะดูข้อมูลก่อนที่จะ follow ก็ให้กดที่ชื่อของคนๆ นั้น ก็จะมีข้อมูลแสดงทันที และมีปุ่ม follow หากเราสนใจจะ follow คนๆ นี้

ในส่วนของ Discover จะมี Trends ที่น่าสนใจครับ Trend จะเป็นตัวบอกว่า ณ ขณะนี้ คนทั่วโลกกำลังพูดถึงอะไรกัน โดยใช้ hashtag (#) เป็นตัวระบุดังรูป และมี Who to follow ที่ทางทวิตเตอร์นำทวีตของคนดัง หรือคนที่น่าสนใจ มาให้เราได้เลือก follow ได้ด้วย

เมื่อเราเริ่ม follow ในหน้า Home ก็จะมีทวีตของคนเหล่านั้นแสดงทันทีครับ เราเรียกว่า ไทม์ไลน์

ในการโต้ตอบ ถ้าเป็น Facebook จะมีการกด Like, Comment ส่วนทวิตเตอร์จะมี Reply, Retweet วิธีการโต้ตอบทวีตเพื่อนก็ให้กดเข้าไปในทวีตนั้นๆ แล้วจะมีหน้าจอแสดงดังในรูปครับ เราสามารถกดที่รูปลูกศรต่างๆ เพื่อการโต้ตอบได้ดังนี้
ลูกศรหัวเดียว – เป็นการตอบกลับ (Reply) เช่น ถ้าเราจะตอบใคร ก็กดตัวนี้ได้เลย
ลูกศรวน – เป็นการ Retweet ซึ่งเป็นลูกเล่นของทวิตเตอร์ที่ใช้เวลาเราจะแชร์ทวีตที่เรากำลังอ่าน ไปให้คนที่ตามเราได้อ่านบ้าง มีสองแบบคือ retweet และ quote โดยที่ retweet จะเป็นการรีทวีตทันที ส่วน quote เราสามารถเพิ่มเติมข้อความก่อนการรีทวีตได้
รูปดาว – เป็นการกำหนดให้ทวีตนี้เป็นทวีตโปรดของเรา ซึ่งสามารถเปิดอ่านทีหลังได้อย่างสะดวก
Share – เป็นการแชร์ทวีตไปยังที่อื่นๆ

มาดูหน้าจอการโต้ตอบแต่ละวิธีกันครับ
เมื่อกด Reply ก็จะมีชื่อของคนๆ นั้นขึ้นมาให้ทันทีครับ (ถ้ามีหลายคน ก็จะขึ้นทุกคนเลย) เราก็พิมพ์ข้อความที่ต้องการได้เลย

หากกด Retweet จะมี 2 แบบให้เลือกดังนี้

ถ้าเลือก Quote ทางแอพจะดึงข้อความนั้นมาให้ โดยมีเครื่องหมายคำพูดครอบไว้ “….” เราต้องการเพิ่มเติมเข้าไป ก็ให้ใส่เครื่องหมายคั่นไว้หลังข้อความที่มันให้มา เช่น // เว้นวรรคแล้วพิมพ์ข้อความที่เราต้องการ แต่วิธีนี้ แนะนำให้ทำเฉพาะทวีตที่น่าใจเท่านั้นนะครับ เช่น เราอาจจะเสริมเพิ่มเติมจากที่เค้าทวีตมาแล้ว

มาดูหน้าจอ interactions ของจริงกันบ้างครับ ว่าถ้ามีใครตอบเรามา หรือทวีตถึงเรา หรือ Retweet (RT) ทวีตเรา หน้าจอก็จะเป็นแบบนี้

mention ก็จะมีเฉพาะทวีตที่มีคนตอบเรามา

ในหน้า Home ทวีตไหนที่มีรูปถ่ายด้วย จะมีสัญลักษณ์บอก เป็นรูปรูปถ่ายมุมบนขวาติดกับตัวบอกเวลา เราสามารถกดเข้าไปที่ทวีตนั้นเพื่อดูรูปได้

ครับ ก็เป็นอันเสร็จสำหรับการใช้งาน Twitter บน iPhone สำหรับมือใหม่ ยังไงก็ลองเล่นดูนะครับ รับรองจะติดใจ สำหรับบทความเกี่ยวกับทวิตเตอร์ก็สามารถหาอ่านได้จากบลอคของผมนี่แหละครับ หรือจะเข้าจากลิงค์นี้ ได้เลย
สมัครใช้งานกันแล้ว ก็มา follow ผมได้ที่ @zakariiya จะได้ติดตามบทความและความคืบหน้าต่างๆ ของแอพบนมือถือ :)
ป.ล. การเรียกชื่อคนบนทวิตเตอร์เราจะเรียกว่า “แอ๊ด” ตามด้วยชื่อเค้า เช่นของผม @KagJansamret ก็จะเรียกว่า “แอ๊ดเก๊กจันทร์สำเร็จ” :)
ส่งอีเมล์น่ารักๆ แนวญี่ปุ่น บน iPhone ด้วย Kawaii Mail
พูดถึงอีเมล์ หลายๆ คนอาจไม่ได้ใช้งานสำหรับการติดต่อกับเพื่อนอย่างจริงจัง นอกจากเรื่องงาน เพราะมีแอพแชท ที่ทำให้การติดต่อกันในเรื่องส่วนตัวทำได้รวดเร็วและง่าย แต่ที่ญี่ปุ่น คนที่นั่นติดอีเมล์มาก (ดูจากในหนัง, ซีรีย์, การ์ตูน จะติดต่อกันทางอีเมล์ซะส่วนใหญ่) และอีเมล์ของเค้าจะมีลูกเล่นน่ารักๆ ตามสไตล์เค้าเลยครับ นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนที่นั่นติดอีเมล์ และวันนี้ผมมีแอพที่จะทำให้เราสามารถส่งอีเมล์น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่นบน iPhone มาให้ได้ลองใช้กันครับ มาดูกันเลย
แอพที่ว่านี้มีชื่อว่า Kawaii Mail สามารถโหลดได้ฟรีใน App Store หรือจาก ลิงค์นี้
ตอนเข้าไปโหลด อาจเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ไม่ต้องตกใจครับ เพราะผมโหลดมาแล้ว เมนูการใช้งานเป็นอังกฤษครับ :) มาดูหน้าจอแรกกันเลย แอพจะถามว่าเรามีบัญชี Gmail หรือไม่ แสดงว่าแอพนี้รองรับการใช้งานเฉพาะ Gmail เท่านั้น (คือเราจะต้องใช้ Gmail ในการส่งเมล์ แต่คนรับใช้อีเมล์อะไรก็ได้ครับ ไม่เกี่ยวกัน)

ต่อมาจะเป็นหน้าจอให้กรอกข้อมูลของเรา ก็มี Name, Address และ Password

Address ให้เราเลือกเป็น @gmail.com นะครับ เสร็จแล้วให้กดที่ setting

ก็จะเข้าสู่หน้าหลักของแอพนี้ มีเมนูต่างๆ เหมือนกับที่เราใช้งานอีเมล์ทั่วๆ ไป ลูกเล่นสำคัญของแอพนี้ก็คือ Emoji ครับ โดยมี Emoji ให้เลือกเยอะมาก และเป็นแบบเคลื่อนไหวด้วยครับ น่ารักมากทีเดียว จะเห็นว่าในเมนู จะมีเกี่ยวกับ Emoji หลายรายการเลย

วิธีเขียนอีเมล์ ก็ให้เลือก New Message ก็จะเข้าสู่หน้าจอการเขียนอีเมล์ จะมี To:, Subject:, ช่องให้ใส่เนื้อหาอีเมล์ และปุ่ม Emoji/Keyboard สำหรับในช่อง To: ตอนนี้ Kawaii Mail ส่งได้ครั้งละ 1 เท่านั้นครับ จะพิมพ์แอดเดรสเอง หรือดึงจาก Contact ก็ได้ครับ

เวลาพิมพ์อีเมล์ หากต้องการใส่ Emoji ให้กดที่ emoji ก็จะมีให้เราเลือก หลายแบบเลย ถ้าเสร็จแล้ว ก็ให้กดที่ Confirmation

หน้าจอแสดงอีเมล์ก่อนที่จะกดส่งครับ ถ้าถูกต้องแล้วก็กด Send ได้เลย

หลายๆ คนอาจสงสัยว่า แล้วเวลาเพื่อนได้รับอีเมล์แล้ว จะมองเห็น Emoji ที่เราใส่ไปรึเปล่า คำตอบคือ เห็นครับ ผมลองส่งไปให้น้องชาย ไอโฟนของน้องผมยังไม่ได้ลง Kawaii Mail ก็แสดงผล Emoji ที่ผมส่งไปให้ได้ไม่ผิดเพี้ยนเลยครับ

ใส่ส่วนของ Setting จะมี Emoji Folder ที่จะทำให้เราเข้าไปจัดการกับ Emoji ได้ด้วย

และถ้าใครอยากได้ Emoji เพิ่ม ก็มีให้ซื้อครับ เข้าไปที่ Emoji Shop

เป็นแอพน่ารักๆ อีกตัวที่น่าใช้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้อีเมล์สไตล์ญีปุ่นจริงๆ :)